Related Articles
การวิ่งเพื่อสุขภาพท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ต้องเริ่มจากอะไร
หลังจากที่รัฐบาลไทยเริ่มมีการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ก็เริ่มมีผู้ที่รักการวิ่ง เริ่มกลับมาวิ่งจ๊อกกิ้งกันบ้างแล้ว แต่เพื่อให้การกลับมาวิ่งเพื่อสุขภาพของคุณนั้นปลอดภัย คุณก็ควรมีมาตรการสำหรับดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน เริ่มจากการใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวคุณได้เลย วิธีพื้นฐานที่ช่วยให้เส้นทางการวิ่งของคุณนั้นสดใส 1.เลือกรองเท้าที่ดีสำหรับเท้าของคุณ รองเท้าวิ่งที่ดีนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เท้าของคุณมีสุขภาพที่ดี โดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาเพื่อใช้วิ่งบนพื้นถนน รองรับการกระแทกได้ดี บริเวณพื้นด้านหน้าของรองเท้าจะต้องมีพื้นที่เพียงพอเพื่อให้คุณสามารถกระดิกเท้าได้อย่างอิสระและสวมใส่แล้วพอดีเข้ากับเท้าของคุณ 2.ถุงเท้าคือตัวช่วยที่ดี คุณไม่จำเป็นต้องเสียดายเมื่อได้ลงทุนกับถุงเท้าเพื่อใช้ในการวิ่งเป็นประจำ เพราะถุงเท้าจะช่วยเป็นที่กันกระแทกหรือเสียดสี และดูดซับความชื้นจากการวิ่ง ถุงเท้าจะช่วยลดแผลพุพองจากการสวมรองเท้าได้เป็นอย่างดี 3.แอพพลิเคชั่นสำหรับวางแผนการวิ่ง การติดตามผลการวิ่งของคุณโดยการใช้แอพพลิเคชั่นที่ออกแบบมาเพื่อบอกประสิทธิภาพการวิ่งของคุณ ผนวกกับการใช้ GPS จะช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคุณเมื่อการวิ่งนั้นผ่านไปในแต่ละครั้ง เช่น บอกความเร็ว ระยะทาง เส้นทางที่คุณใช้วิ่ง การใช้สมาร์ทโฟนและแอพพลิเคชั่น ในยุคปัจจุบันแทบจะเป็นวิธีที่ง่ายและดีที่สุดในการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจ หรือปริมาณออกซิเจนที่ได้รับ รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้คุณ เช่น นาฬิกาข้อมือหรือสายรัดข้อมือ เป็นต้น 4.การเช็คสภาพอากาศ การเช็คสภาพอากาศก่อนที่คุณจะออกไปวิ่งจ็อกกิ้งในช่วงโควิด-19 ก็มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เพราะเมื่อย้อนในช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของโรคโควิด-19 กรุงเทพฯ เกิดภาวะที่ต้องเผชิญกับฝุ่น PM 2.5 ที่อาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ดังนั้นการติดตามข่าวเกี่ยวกับสภาพอากาศก็จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนหรือวิเคราะห์คุณภาพอากาศในแต่ละวันของคุณได้ เพื่อช่วยให้คุณได้รับประโยชน์สูงสุดจากการวิ่ง 5.สวมหน้ากากอนามัย การออกนอกบ้านสิ่งสำคัญในเวลานี้ก็คือหน้ากากอนามัย แต่สำหรับการออกไปวิ่งในสวนสาธารณะที่ต้องมีการรักษาระยะห่างในการวิ่ง 10 เมตร การใส่หน้ากากอนามัยพร้อมกับวิ่งไปด้วยนั้น จะทำให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายไม่เพียงพอ ดังนั้น […]
บาร์เซโลนาขายชื่อสนามคัมป์นู เพื่อช่วยวิกฤตโควิด-19
ภัยจากโรคโควิด-19 ได้นำพาวิกฤตมาสู่กิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตอย่างมากมาย กลายเป็นความหยุดชะงักทั้งเรื่องเศรษฐกิจและสังคมในหลาย ๆ ประเทศ ยิ่งตอนนี้ประเทศแถบโซนยุโรปและอเมริกาใต้ยังคงได้รับผลกระทบรุนแรงอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่นในประเทศสเปน ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ซึ่งบรรดากิจกรรมต่าง ๆ นั้น วงการฟุตบอลก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างมหาศาล แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีการรวมตัวกันของเหล่านักเตะและสโมสรต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ ทั้งในเรื่องกำลังใจ รวมถึงทุนสนับสนุนอีกด้วย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สโมสรบาร์เซโลนา ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลอาชีพชื่อดังของสเปน ทุ่มสุดตัวด้วยการยอมประกาศขายชื่อสนามเหย้าของตัวเอง เพื่อช่วยระดมทุนไปให้กับองค์กรที่มีส่วนช่วยแก้ไขการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สนามนี้มีชื่อว่า “คัมป์นู” (Camp Nou) สนามคัมป์นู ความยิ่งใหญ่ติดอันดับสามของโลก เดิมทีสโมสรบาร์เซโลนานั้นไม่ได้มีสนามฝึกซ้อมเป็นของตัวเอง อาศัยการฝึกซ้อมในสนามกีฬาเอนกประสงค์ จึงไม่ค่อยสะดวกเท่าไรนักเมื่อต้องการฝึกซ้อมฟุตบอลเพียงอย่างเดียว จึงมีความพยายามที่จะสร้างสนามกีฬาเป็นของตัวเอง สโมสรได้สร้างสนามกีฬาของตัวเองแห่งแรกชื่อว่า “สนามกัมเดเลสสกอต์” แต่ด้วยขนาดพื้นที่จำกัด ไม่สามารถขยายพื้นที่สนามเพื่อรองรับแฟนบอลที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากได้ จึงทำให้การสร้าง “สนามคัมป์นู” ขึ้นเพื่อตอบสนองจำนวนแฟน ๆ ของบาร์เซโลนาในสเปน การระดมทุนในการสร้างและปรับปรุงสนามอันแสนชาญฉลาดด้วยการประกาศว่าจะมีการสลักรายนามของผู้บริจาคเงินไว้บนแผนศิลา ก็มีผู้คนให้ความสนใจบริจาคเงินให้กับทางสโมสรบาเซโลนาอย่างล้นหลาม เมื่อแล้วเสร็จในปี 1957 สนามคัมป์นู ก็ได้รับการพิจารณาว่าผ่านมาตรฐานความปลอดภัยของยูฟ่า สามารถจุแฟนบอลได้มากถึง 99,000 คน และได้ถูกขนานนามว่าเป็นสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในสเปนและยุโรป รวมถึงเป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอีกด้วย […]
ไม่ใช่ครั้งแรกที่โลกกีฬาได้รับผลกระทบจากโรคระบาด
ตั้งแต่ล่วงเข้าปี 2020 ช่วงเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักไวรัสโคโรน่า 2019 เพราะตารางการแข่งขันกีฬารายการสำคัญระดับโลกได้รับผลกระทบ อย่างเช่น การแข่งฟุตบอลทั่วยุโรป, ฟุตบอลลีกและพรีเมียร์ลีกอังกฤษ หรือกีฬาโอลิมปิก 2020 และอีกหลากหลายรายการ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลายฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องความเสียหายในเรื่องค่าใช้จ่ายและตารางการแข่งขัน ภัยคุกคามวงการกีฬาจากโรคระบาดนั้นมีอะไรบ้าง 1. โรคซาร์สและโรคไข้หวัดนก ซาร์ส เป็นโรคระบาดที่ถูกนับว่าเป็นภัยคุกคามระดับโลกในเดือนมีนาคม ปี 2003 ซาร์สเป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่บรรดาแพทย์ในหลาย ๆ ประเทศต่างมีความกังวลกับมันเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถกลายพันธุ์ได้อย่างง่ายดาย ส่วนโรคไข้หวัดนกก็เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2003 สร้างปัญหาด้านสุขภาพไปทั่วโลกไม่ต่างจากซาร์ส แต่เชื้อไวรัสของไข้หวัดนกสามารถติดต่อในมนุษย์ได้ จนแต่ละประเทศต้องมีการยกระดับการเฝ้าระวังในขั้นสูง และตรวจประชากรในประเทศอย่างไม่ลดละ ผลกระทบต่อวงการกีฬาของไวรัสทั้งสองชนิดนี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศจีนกำลังเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพเพื่อจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2008 ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ในช่วงปี 2005 ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่กำหนดการจะมาถึง แต่ก็ทำให้มีการถกเถียงกันอย่างมากกว่า จีนจะมีความพร้อมในการเป็นภาพโอลิมปิกหรือว่าควรยกเลิกการแข่งขัน เมื่อการแข่งขันมาถึง สื่อทั่วโลกก็รายงานถึงความวิตกกังวลว่าถ้าหากเกิดการระบาดของโรคซาร์สและไข้หวัดนกในช่วงเวลาของการแข่งขัน อาจจะกลายเป็นหายนะได้ ดังนั้นจีนจึงแก้ปัญหาด้วยการเตรียมโรงพยาบาล ที่มีเตียงผู้ป่วยหลายพันเตียงเพื่อรอรับมือกับความเป็นไปได้ 2. เชื้อไวรัสอีโบล่า การระบาดของเชื้อไวรัสอีโบล่าระหว่างปี 2014 – 2016 ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันมากกว่า 28,000 ราย และเสียชีวิตราว ๆ 11,300 […]